
วัตถุดิบที่มีการสนับสนุนการจัดซื้อในท้องถิ่น
บริษัทให้ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของคู่ค้าต่อการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทานและตระหนักดีว่าการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเสี่ยงในการหยุดชะงักของธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทรวมถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน นโยบายการจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ และจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) ที่ครอบคลุมประเด็นสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีการสื่อสารให้กับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คู่ค้ามีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักการของความยั่งยืนครบทุกมิติ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัท
ในการสนับสนุนให้คู่ค้ามีการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบต่อสังคม
กลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน

ร่วมมือกับคู่ค้าในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภค
พัฒนาระบบการจัดการภายในองค์กรของคู่ค้าให้มีมาตรฐาน
แนวทางการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ

บริษัทมีความมุ่งมันที่จะดำเนินธุรกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทั้งในระดับประเทศและระดับสากล บริษัทจึงมุ่งเน้นต่อการบริหารจัดการร่วมกับคู่ค้าและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน และมุ่งส่งเสริมให้คู่ค้ามีส่วนร่วมต่อการป้องกันผลกระทบที่อาจส่งผลต่อคุณค่าร่วมระหว่างบริษัทควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและพัฒนาชุมชนที่เป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญ
หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างของคู่ค้า
หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้า ของบริษัท
บริษัทมีกระบวนการในการคัดเลือกคู่ค้าโดยการให้คู่ค้าแข่งขันบนข้อมูลที่เท่าเทียมกันและคัดเลือกคู่ค้าด้วยความยุติธรรมภายใต้หลักเกณฑ์ในการประเมินและคัดเลือกคู่ค้าของบริษัท ปฏิบัติต่อคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเสมอภาค รวมทั้งต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ โดยยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ รวมถึงหลักสิทธิมนุษยชน การแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดทำรูปแบบสัญญาที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่คู่สัญญาทุกฝ่าย โดยระบุความต้องการและความคาดหวังในการส่งมอบสินค้าลงในสัญญาอย่างครบถ้วน และจัดให้มีระบบติดตามเพื่อให้มั่นใจว่าได้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาอย่างครบถ้วนและป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดหา โดยบริษัทซื้อสินค้าจากคู่ค้าตามเงื่อนไขทางการค้าตลอดจนปฏิบัติตามสัญญาต่อคู่ค้าอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเก็บรักษาข้อมูลของคู่ค้าและไม่นำไปใช้เพื่อประโยชน์โดยมิชอบ
การคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ บริษัทจะมีการสื่อสารข้อมูลความต้องการจัดหาสินค้าที่ถูกต้อง ชัดเจน เพียงพอ เป็นธรรมต่อคู่ค้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการจัดหา และให้โอกาสคู่ค้าที่มีคุณสมบัติได้นำเสนอสินค้าอย่างเท่าเทียม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ก่อนการเข้าเป็นคู่ค้ารายใหม่ คู่ค้าต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น ซึ่งพิจารณาจากข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลด้านความยั่งยืน ข้อมูลในการตอบแบบประเมินคู่ค้า (Vendor Visit Check Sheet) หรือการเข้าเยี่ยมชมสถานประกอบการคู่ค้า เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้ารายใหม่มีคุณสมบัติและมีระบบการควบคุมภายในที่เหมาะสมและเพียงพอ

การพิจารณาคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ตามเกณฑ์การคัดเลือกที่บริษัทได้กำหนดไว้ ได้แก่ ด้านคุณภาพ ด้านราคา ด้านการส่งมอบ และด้านความยั่งยืน โดยระบุสัดส่วนการคัดเลือกในแต่ละด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้ารายใหม่มีขีดความสามารถที่เพียงพอต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) และข้อกำหนดในการปฏิบัติงานให้กับคู่ค้ารายใหม่ทุกรายและลงนามรับทราบเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
กลุ่มคู่ค้าของบริษัท

คู่ค้าสำคัญทางตรง (Critical Tier 1 Supplier)
คู่ค้าทางตรง (Tier 1 Supplier)

คู่ค้าสำคัญทางตรง (Critical Tier 1 Supplier)
- มีการซื้อขายกับบริษัทโดยตรง
- ส่งมอบสินค้าที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ
- ระดับมูลค่าการสั่งซื้อสูง ค่าใช้จ่ายต่อปีมากกว่า 50 ล้านบาท
- ส่งมอบสินค้าที่หาทดแทนไม่ได้หรือมีคู่ค้าน้อยรายที่สามารถส่งมอบได้
- มีความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ของบริษัท
- มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัท

เป้าหมายและผลการดำเนินการปี 2567
- เป้าหมาย
- ผลการดำเนินการ
หลักเกณฑ์การตรวจประเมินคู่ค้า
บริษัทมีการจัดทำแผนการตรวจประเมินเพื่อประเมินความสอดคล้องของคู่ค้ากับจรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ (Supplier Code of Conduct) และข้อกำหนดของกฎระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการตรวจประเมินคู่ค้าด้าน ESG ครอบคลุมประเด็นดังนี้
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการน้ำ
การบริหารจัดการขยะ/ของเสีย
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ผลกระทบด้านสังคมและสิทธิมนุษยชน
ความเป็นอยู่ที่ดีและการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม
ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงาน
เคารพสิทธิมนุษยชน
ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติด้านแรงงานที่เป็นธรรม
การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม
ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ มีจริยธรรม ตรวจสอบได้
ดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลที่ดี
ส่งเสริมการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
มีการปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
การตรวจประเมินคู่ค้ามีความถี่เป็นประจำทุกปี หรืออย่างน้อย 1 ครั้งในรอบ 3 ปี ตามระดับความสำคัญและความเสี่ยงของคู่ค้า ซึ่งแผนการตรวจประเมินครอบคลุม
- คู่ค้าสำคัญทางตรง (Critical Tier 1 Supplier)
- คู่ค้าสำคัญทางอ้อม (Critical Non-tier 1 Supplier)
- คู่ค้าทางตรง (Tier 1 Supplier)
- คู่ค้าทางอ้อม (Non-tier 1 Supplier)
คณะผู้ตรวจประเมินทำการจัดส่งเอกสารแบบประเมินคู่ค้า (Vendor Visit Check Sheet) และทำการตรวจประเมินคู่ค้า ณ สถานประกอบการ (On-Site Audit) ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของ Off-Line หรือ On-Line ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งการตรวจประเมินคู่ค้า ณ สถานประกอบการ ได้แก่
- คู่ค้ารายใหม่
- คู่ค้าที่พบปัญหาคุณภาพสินค้าบ่อยครั้งหรือพบปัญหาด้านคุณภาพที่สำคัญ
- คู่ค้ามีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ผลิตหรือกระบวนการผลิตสินค้า
- คู่ค้ารายเดิมที่ส่งสินค้าเป็นวัตถุดิบหลักของบริษัท หรือบริษัทมีการสั่งซื้อเป็นปริมาณมาก และไม่ได้ทำการตรวจประเมินมาเป็นระยะเวลามากกว่า 3 ปี
- ลูกค้าของบริษัทมีความเข้มงวดในตัวสินค้าเป็นพิเศษหรือมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาหาร
สำหรับคู่ค้าที่นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการจัดส่งเอกสารแบบประเมินคู่ค้า (Vendor Visit Check Sheet) เพื่อให้คู่ค้าประเมินตนเองโดยการตอบแบบประเมินลงในเอกสารและส่งกลับมายังบริษัท
บริษัทจัดทำรายงานการตรวจประเมินและสรุปผลให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรับทราบ และกำหนดให้คู่ค้าส่งมอบแผนการดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด (Corrective action plan) หากพบความไม่สอดคล้องในกระบวนการตรวจประเมินคู่ค้า และกำหนดให้มีการติดตามการดำเนินการแก้ไขจนสิ้นสุดกระบวนการ เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าจะปฏิบัติตามข้อตกลงและมาตรฐานตามที่กำหนดไว้
กระบวนการประเมินความเสี่ยงจากคู่ค้า (Vendor Risk Assessment Process)
- ระบุประเภทของคู่ค้า (เช่น ผู้ผลิต ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ซัพพลายเออร์วัตถุดิบ ฯลฯ)
- จำแนกความสำคัญของคู่ค้าตามระดับผลกระทบต่อธุรกิจ (Critical / High / Medium / Low)
- ระบุเกณฑ์การประเมินตามหมวด ESG เช่น:
- ด้านสิ่งแวดล้อม: มลพิษ, การจัดการของเสีย, การใช้ทรัพยากร
- ด้านสังคม: สภาพแวดล้อมในการทำงาน, แรงงาน, สิทธิมนุษยชน
- ด้านธรรมาภิบาล: การเปิดเผยข้อมูล, การต่อต้านคอร์รัปชัน
- แบบสอบถาม ESG Self-Assessment
- เอกสารสนับสนุน เช่น ใบรับรอง ISO, รายงาน CSR, นโยบายต่อต้านการทุจริต
- ข้อมูลจากแหล่งภายนอก เช่น ข่าวสาร การร้องเรียน การตรวจสอบภายนอก
- ใช้ระบบให้คะแนน (Scoring) เช่น คะแนน 1–5 ต่อหัวข้อ พร้อมน้ำหนัก (Weight) ที่ต่างกัน ดังนี้
- E = 30%
- S = 40%
- G = 30%
- รวมคะแนนเพื่อจัดลำดับความเสี่ยงเป็น 3 ระดับ:
- ความเสี่ยงต่ำ: ดำเนินการต่อได้ตามปกติ
- ความเสี่ยงปานกลาง: เฝ้าระวัง ปรับปรุงบางส่วน
- ความเสี่ยงสูง: หยุดความร่วมมือชั่วคราว หรือทำการตรวจสอบเพิ่มเติม
- ดำเนินการตรวจสอบ On-site สำหรับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงหรือเป็นรายใหม่
- ใช้แบบฟอร์มตรวจสอบ (Checklist) ที่ครอบคลุมทั้ง E / S / G
- รายงานผลการตรวจสอบพร้อมแผนการแก้ไข (Corrective Action Plan)
- ประเมินซ้ำตามรอบ (ทุก 1–3 ปี) หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ
- ติดตามผลการแก้ไขของคู่ค้าอย่างเป็นระบบ
- บูรณาการผลการประเมินเข้ากับระบบจัดซื้อหรือเลือกซัพพลายเออร์
- สรุปผลการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้าแต่ละราย พร้อมข้อเสนอแนะ
- เสนอผลการประเมินต่อฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
- ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจเลือก / ต่อสัญญา / ปรับปรุงคู่ค้า
การเสริมสร้างศักยภาพของคู่ค้า
ส่งเสริมและสนับสนุนให้คู่ค้ายกระดับคุณภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของคู่ค้าด้วยแนวทางที่เหมาะสม เช่น การจัดอบรมให้ความรู้ด้านกระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนในภาพรวมของบริษัท เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและเสริมสร้างศักยภาพของคู่ค้า
สนับสนุนการจัดหาสินค้าจากคู่ค้าในท้องถิ่นและภายในประเทศที่เป็นที่ตั้งของธุรกิจ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของคู่ค้า
จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นจากคู่ค้าและจัดให้มีวันพบปะคู่ค้า เพื่อชี้แจงทิศทางและแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนร่วมกัน
นอกจากนี้บริษัทยังมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและยกระดับความตระหนักถึงเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนให้แก่คู่ค้า โดยมีการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการบริหารบัญชีเจ้าหนี้ ระบบการชำระเงินคู่ค้า และกำหนดระยะเวลาที่จะชำระเงินให้แก่คู่ค้าอย่างเป็นธรรม และระยะเวลาเฉลี่ยของการชำระเงินให้แก่คู่ค้าที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้คู่ค้ามีสภาพคล่องทางการเงินและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและภายนอก เช่น การบริหารจัดการสภาพคล่องและวงจรเงินสด คุณภาพของคู่ค้า ชนิดและปริมาณของสินค้า พร้อมทั้งได้กำหนดแนวทางปฏิบัติงานให้เป็นไปตามหลักการควบคุมภายในที่ดีและมีขั้นตอนในการตรวจสอบที่รัดกุม เพื่อให้เกิดความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ระหว่างคู่ค้ากับบริษัท โดยมีรายละเอียดข้อมูลระยะเวลาการให้ Credit Term ของบริษัทเฉลี่ยต่อปีตามงบการเงินดังนี้