
บริษัทร่วมปันน้ำใจสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้แก่ชุมชน สังคม ภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระ และบรรเทาความเดือดร้อนของชุมชนและสังคม และผู้ประสบอุทกภัยในสถานการณ์วิกฤติต่างๆ
บริษัทดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลชุมชนและสังคม โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อให้ชุมชนและสังคมพึ่งพาตนเองได้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส รวมถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมในท้องที่ และส่งเสริมบุคลากรภายในองค์กรให้มีส่วนร่วมในการส่งมอบคุณค่าสู่ชุมชน
แนวทางบริหารจัดการ
กำหนดนโยบายและความมุ่งมั่น
กำหนดนโยบายและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม
นำนโยบายและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม
คณะทำงานพัฒนาอย่างยั่งยืนทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในการนำนโยบายและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม มีกระบวนการในการดำเนินการ รายงาน และติดตามผลของโครงการพัฒนาชุมชนและสังคม รวมถึงการสำรวจข้อกังวล ตรวจสอบสภาพชุมชนและสังคม ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินงานของบริษัท และนำผลกระทบที่สำรวจพบมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อลดความเสียหายต่อชุมชนและสังคม และนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน
สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานผ่านกิจกรรมจิตอาสา
การสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานผ่านกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ รวมถึงการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนโดยการใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบริษัท พัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและพึงพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและช่วยเหลือดูแลสังคม
ปี 2567 บริษัทดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม ดังนี้
โครงการแฟร์เทรด พัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างเศรษฐกิจของชุมชนให้มีความแข็งแกร่งเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนและต่อยอดการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัทในระยะยาว โดยได้ดำเนินโครงการผลิตภัณฑ์แฟร์เทรดอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืนน้ำอ้อม อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นการต่อยอดการพัฒนาศักยภาพ ยกระดับมาตรฐานเกษตรกรไทยให้ได้ตามมาตรฐานยุโรปตั้งแต่มาตรฐานการปลูกข้าวจนกระทั่งโรงสีข้าว เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรจังหวัดยโสธรมาเป็นผู้ผลิตข้าวในกลุ่มออร์แกนิคและได้สนับสนุนการซื้อข้าวอินทรีย์ที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ EU/NOP สหภาพยุโรป
โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรโดยเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืนน้ำอ้อมได้ดำเนินการร่วมกับบริษัทในการขายผลผลิตที่เป็นข้าวเปลือกอินทรีย์แฟร์เทรดในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดทั่วไป ส่วนต่างราคาที่ได้รับเพิ่มขึ้นหรือที่เรียกว่า “พรีเมี่ยม” จะสามารถนำกลับไปทำประโยชน์ให้กับกลุ่มเกษตรกรหรือชุมชนข้างเคียงได้โดยตรง ซึ่งจะมีการบันทึกและตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างโปร่งใส นอกจากส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับบริษัทด้วยการเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ก๋วยเตี๋ยวแฟร์เทรดที่มีการใช้วัตถุดิบหลักที่ทำจากข้าวเปลือกอินทรีย์แฟร์เทรดของกลุ่มเครือข่ายฯ นี้
ในปี 2567 บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรอย่างต่อเนื่องโดยการให้เงินสนับสนุนจำนวน 600,000 บาท ในการเพิ่มพื้นที่ลานตากข้าวเปลือกจากเดิม 1,400 ตารางเมตร เพิ่ม 1,616 ตารางเมตร รวมเป็นพื้นที่ 3,016 ตารางเมตร สามารถรองรับการตากข้าวเปลือกได้เพิ่มขึ้น 600-700 ตัน/ปี
ผลการดำเนินงานของโครงการแฟร์เทรด พัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
- เพิ่มยอดขายข้าวสารอินทรีย์แฟร์เทรดให้กับบริษัทจากเดิม 200 ตัน/ปี เป็นประมาณ 350 ตัน/ปี คิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 4.6 ล้านบาท/ปี
- เพิ่มปริมาณการตากข้าวเปลือกอินทรีย์แฟร์เทรด 600-700 ตัน/ปี
- พัฒนามาตรฐานการผลิตข้าวเปลือกอินทรีย์แฟร์เทรด
- พื้นที่ลานตากข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 3,016 ตารางเมตร (1.88 ไร่)
- บริษัทเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้าประมาณ 14.22 ล้านบาท/ปี
- สร้างอาชีพให้กับกลุ่มเกษตรกร โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 2,300 คน จาก 549 ครัวเรือน เกิดการกระจายรายได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 – 600,000 บาท/ปี
- กลุ่มเกษตรกรเข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และถ่ายทอดอาชีพทำนาจากรุ่นสู่รุ่น
- การปลูกข้าวอินทรีย์จะมีการใช้สารเคมีในปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยชีวภาพและชีวภัณฑ์ ทำให้การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีลดลง 100% สามารถลดต้นทุนให้กับเกษตรกร 700 บาท/ไร่
- ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากขึ้น จากเดิมใช้กระบวนการอบลดความชื้นของข้าวเปลือกโดยเครื่องจักรหรือเครื่องอบลดความชื้น ซึ่งมีต้นทุนการอบลดความชื้นคิดเป็น 1.60 บาท/กิโลกรัม (ข้าวเปลือก) หากมีพื้นที่ลานตากข้าวจะสามารถลดพลังงานในกระบวนการอบแห้งได้ โดยวิธีการลดความชื้นของข้าวเปลือกจะใช้วิธีการตากแดดตามธรรมชาติ พร้อมทั้งยังสามารถลดต้นทุนการอบแห้งข้าวเปลือกและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนหรือกลุ่มเกษตรกร คิดเป็นมูลค่าที่ลดลง 0.60 บาท/กิโลกรัม (ข้าวเปลือก)
โครงการเพื่อสังคมด้านอื่นๆ
โครงการเส้นหมี่คลุกซอส สร้างอาชีพสู่ชุมชน
โครงการปลูกผักสวนครัวในโรงเรียนเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียน
โครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดี
โครงการปันความรู้จากโรงงานสู่โรงเรียน
โครงการมาม่าแบ่งปันให้เบ่งบาน
กิจกรรมส่งเสริมความรู้